นำเข้าสินค้าจากจีนต้องเสียภาษีเท่าไหร่? คำตอบไม่ง่ายอย่างที่คิด!
Quote from Guest on 06/10/2025, 17:39 น.นำเข้าสินค้าจากจีนต้องเสียภาษีเท่าไหร่? คำตอบไม่ง่ายอย่างที่คิด!
ในยุคที่คนไทยหันมานิยม นำเข้าสินค้าจากจีน ไม่ว่าจะเพื่อนำไปขายต่อหรือนำมาใช้งานเอง คำถามหนึ่งที่เจอบ่อยคือ “ภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนต้องเสียเท่าไหร่?” แต่คำตอบไม่ได้ง่ายหรือเป็นตัวเลขเดียวจบเสมอไป
บทความนี้จะพาคุณเข้าใจลึกไปอีกขั้นว่า โครงสร้างภาษีทำงานอย่างไร ปัจจัยอะไรที่ส่งผลต่อค่าภาษีที่ต้องจ่าย และคุณสามารถวางแผนได้อย่างไรเพื่อ ลดต้นทุน เพิ่มกำไร ในการทำธุรกิจนำเข้าสินค้าจากจีนอย่างมีประสิทธิภาพ
🧭 ภาพรวมการนำเข้าสินค้าจากจีนในบริบทของไทย
ทำไมสินค้าจากจีนถึงเป็นที่นิยม
- ราคาถูก คุณภาพใช้ได้
- มีตัวเลือกหลากหลายตั้งแต่อุปกรณ์ไอที เสื้อผ้า ไปจนถึงอะไหล่เครื่องจักร
- สั่งซื้อสะดวกผ่านแพลตฟอร์มอย่าง Alibaba, 1688, Taobao ฯลฯ
ความสำคัญของการเข้าใจภาษีนำเข้า
- มีผลต่อ “ราคาขาย” และ “กำไรสุทธิ”
- ช่วยป้องกันปัญหาศุลกากร เช่น สินค้าติดด่าน หรือต้องเสียค่าปรับ
- วางแผนธุรกิจนำเข้าได้ชัดเจนขึ้น
⚖️ โครงสร้างภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเข้าไทยเป็นอย่างไร?
โดยทั่วไป เมื่อคุณนำเข้าสินค้าจากจีนมายังไทย คุณจะต้องเจอกับภาษีหลักๆ ดังนี้:
- อัตราภาษีศุลกากร (Import Duty)
- คิดเป็น % ของมูลค่าศุลกากร (CIF)
- อัตราแตกต่างกันไปตามพิกัดสินค้า (HS Code) เช่น
- เสื้อผ้า: 30%
- เครื่องใช้ไฟฟ้า: 10-20%
- สินค้าทั่วไป: 5-30%
- ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
- อัตราคงที่ 7% ของ (มูลค่าสินค้า + ภาษีนำเข้า)
- ภาษีสรรพสามิต (ถ้ามี)
- เช่น สุรา บุหรี่ เครื่องดื่มชูกำลัง ฯลฯ
- ต้องเช็คเฉพาะรายสินค้า
🌏 FTA และสิทธิพิเศษทางภาษี: ไทย-จีน ได้เปรียบหรือไม่?
ไทยกับจีนมีข้อตกลง FTA (Free Trade Agreement) ซึ่งบางสินค้าจะ ได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า หรือเสียในอัตราต่ำมาก เช่น 0-5%
เงื่อนไขคือ
- ต้องมี ใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Form E)
- สินค้าต้องผลิตในจีนอย่างถูกต้องตามเกณฑ์
👉 ดังนั้น ก่อนนำเข้าสินค้า ควรถามผู้ขายเสมอว่ามี “Form E” หรือไม่
🧮 ปัจจัยที่ทำให้ต้นทุนภาษี ‘ไม่ตายตัว’
พิกัดศุลกากร (HS Code)
ระบุชนิดของสินค้า เช่น เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ
แต่ละ HS Code มีอัตราภาษีแตกต่างกันมูลค่าของสินค้า (CIF Value)
CIF = Cost (สินค้า) + Insurance + Freight (ค่าขนส่ง)
คือมูลค่าที่ใช้คำนวณภาษีเงื่อนไขขนส่งและค่าใช้จ่ายอื่นๆ
- ถ้าใช้ Shipping/Forwarder บางเจ้าอาจบวกรวมภาษีไว้แล้ว
- ค่าดำเนินการศุลกากร ค่าเอกสาร ฯลฯ ก็เป็นต้นทุนแฝงที่ต้องคำนึงถึง
📊 ตัวอย่างการคำนวณภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนแบบง่ายๆ
ตัวอย่าง:
นำเข้าเครื่องครัวมูลค่า 10,000 บาท ค่าขนส่ง 2,000 บาท
- CIF = 12,000 บาท
- ภาษีนำเข้า = 20% → 2,400 บาท
- VAT 7% = 7% ของ (12,000 + 2,400) = 1,008 บาท
รวมภาษีที่ต้องจ่าย: 3,408 บาท
🧠 ข้อควรระวังและเทคนิคการวางแผนภาษีนำเข้าให้คุ้มค่า
✅ ขอใบ Form E ให้ได้สิทธิพิเศษทางภาษี
✅ ตรวจสอบ HS Code ก่อนทุกครั้ง เพื่อไม่ให้เสียภาษีเกินจริง
✅ ใช้ Shipping ที่เชี่ยวชาญงานศุลกากร ลดความเสี่ยงสินค้าติดด่าน
✅ พิจารณาสั่งแบบ รวมตู้ (Consolidation) เพื่อประหยัดค่าส่ง
✅ ตรวจสอบพิกัดและภาษีผ่านเว็บกรมศุลกากร: www.customs.go.th
✅ สรุป เข้าใจภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน = ลดต้นทุน เพิ่มกำไรระยะยาว
ดูเข้ามูลเพิ่มเติมได้ที่ นำเข้าสินค้าจากจีน ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ดีในยุคโลกาภิวัตน์ แต่ถ้าไม่เข้าใจเรื่องภาษี อาจทำให้ต้นทุนพุ่งไม่รู้ตัว
การวางแผนล่วงหน้า ศึกษากฎเกณฑ์ และปรับกลยุทธ์ตามสินค้าแต่ละประเภท จะช่วยให้คุณ ลดต้นทุน เพิ่มกำไร และขยายธุรกิจได้อย่างมั่นคงในระยะยาว
นำเข้าสินค้าจากจีนต้องเสียภาษีเท่าไหร่? คำตอบไม่ง่ายอย่างที่คิด!
ในยุคที่คนไทยหันมานิยม นำเข้าสินค้าจากจีน ไม่ว่าจะเพื่อนำไปขายต่อหรือนำมาใช้งานเอง คำถามหนึ่งที่เจอบ่อยคือ “ภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนต้องเสียเท่าไหร่?” แต่คำตอบไม่ได้ง่ายหรือเป็นตัวเลขเดียวจบเสมอไป
บทความนี้จะพาคุณเข้าใจลึกไปอีกขั้นว่า โครงสร้างภาษีทำงานอย่างไร ปัจจัยอะไรที่ส่งผลต่อค่าภาษีที่ต้องจ่าย และคุณสามารถวางแผนได้อย่างไรเพื่อ ลดต้นทุน เพิ่มกำไร ในการทำธุรกิจนำเข้าสินค้าจากจีนอย่างมีประสิทธิภาพ

🧭 ภาพรวมการนำเข้าสินค้าจากจีนในบริบทของไทย
ทำไมสินค้าจากจีนถึงเป็นที่นิยม
- ราคาถูก คุณภาพใช้ได้
- มีตัวเลือกหลากหลายตั้งแต่อุปกรณ์ไอที เสื้อผ้า ไปจนถึงอะไหล่เครื่องจักร
- สั่งซื้อสะดวกผ่านแพลตฟอร์มอย่าง Alibaba, 1688, Taobao ฯลฯ
ความสำคัญของการเข้าใจภาษีนำเข้า
- มีผลต่อ “ราคาขาย” และ “กำไรสุทธิ”
- ช่วยป้องกันปัญหาศุลกากร เช่น สินค้าติดด่าน หรือต้องเสียค่าปรับ
- วางแผนธุรกิจนำเข้าได้ชัดเจนขึ้น
⚖️ โครงสร้างภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเข้าไทยเป็นอย่างไร?
โดยทั่วไป เมื่อคุณนำเข้าสินค้าจากจีนมายังไทย คุณจะต้องเจอกับภาษีหลักๆ ดังนี้:
- อัตราภาษีศุลกากร (Import Duty)
- คิดเป็น % ของมูลค่าศุลกากร (CIF)
- อัตราแตกต่างกันไปตามพิกัดสินค้า (HS Code) เช่น
- เสื้อผ้า: 30%
- เครื่องใช้ไฟฟ้า: 10-20%
- สินค้าทั่วไป: 5-30%
- ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
- อัตราคงที่ 7% ของ (มูลค่าสินค้า + ภาษีนำเข้า)
- ภาษีสรรพสามิต (ถ้ามี)
- เช่น สุรา บุหรี่ เครื่องดื่มชูกำลัง ฯลฯ
- ต้องเช็คเฉพาะรายสินค้า
🌏 FTA และสิทธิพิเศษทางภาษี: ไทย-จีน ได้เปรียบหรือไม่?
ไทยกับจีนมีข้อตกลง FTA (Free Trade Agreement) ซึ่งบางสินค้าจะ ได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า หรือเสียในอัตราต่ำมาก เช่น 0-5%
เงื่อนไขคือ
- ต้องมี ใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Form E)
- สินค้าต้องผลิตในจีนอย่างถูกต้องตามเกณฑ์
👉 ดังนั้น ก่อนนำเข้าสินค้า ควรถามผู้ขายเสมอว่ามี “Form E” หรือไม่
🧮 ปัจจัยที่ทำให้ต้นทุนภาษี ‘ไม่ตายตัว’
พิกัดศุลกากร (HS Code)
ระบุชนิดของสินค้า เช่น เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ
แต่ละ HS Code มีอัตราภาษีแตกต่างกัน
มูลค่าของสินค้า (CIF Value)
CIF = Cost (สินค้า) + Insurance + Freight (ค่าขนส่ง)
คือมูลค่าที่ใช้คำนวณภาษี
เงื่อนไขขนส่งและค่าใช้จ่ายอื่นๆ
- ถ้าใช้ Shipping/Forwarder บางเจ้าอาจบวกรวมภาษีไว้แล้ว
- ค่าดำเนินการศุลกากร ค่าเอกสาร ฯลฯ ก็เป็นต้นทุนแฝงที่ต้องคำนึงถึง
📊 ตัวอย่างการคำนวณภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนแบบง่ายๆ
ตัวอย่าง:
นำเข้าเครื่องครัวมูลค่า 10,000 บาท ค่าขนส่ง 2,000 บาท
- CIF = 12,000 บาท
- ภาษีนำเข้า = 20% → 2,400 บาท
- VAT 7% = 7% ของ (12,000 + 2,400) = 1,008 บาท
รวมภาษีที่ต้องจ่าย: 3,408 บาท
🧠 ข้อควรระวังและเทคนิคการวางแผนภาษีนำเข้าให้คุ้มค่า
✅ ขอใบ Form E ให้ได้สิทธิพิเศษทางภาษี
✅ ตรวจสอบ HS Code ก่อนทุกครั้ง เพื่อไม่ให้เสียภาษีเกินจริง
✅ ใช้ Shipping ที่เชี่ยวชาญงานศุลกากร ลดความเสี่ยงสินค้าติดด่าน
✅ พิจารณาสั่งแบบ รวมตู้ (Consolidation) เพื่อประหยัดค่าส่ง
✅ ตรวจสอบพิกัดและภาษีผ่านเว็บกรมศุลกากร: http://www.customs.go.th
✅ สรุป เข้าใจภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน = ลดต้นทุน เพิ่มกำไรระยะยาว
ดูเข้ามูลเพิ่มเติมได้ที่ นำเข้าสินค้าจากจีน ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ดีในยุคโลกาภิวัตน์ แต่ถ้าไม่เข้าใจเรื่องภาษี อาจทำให้ต้นทุนพุ่งไม่รู้ตัว
การวางแผนล่วงหน้า ศึกษากฎเกณฑ์ และปรับกลยุทธ์ตามสินค้าแต่ละประเภท จะช่วยให้คุณ ลดต้นทุน เพิ่มกำไร และขยายธุรกิจได้อย่างมั่นคงในระยะยาว
